หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2556

วิเคราะห์ตลาด 23/9/2556

TF day

          อาทิตย์นี้มาช้าสักหน่อยเนื่องจากงานค่อนข้างยุ่ง ส่วนอาทิตย์ที่แล้วก็ติดเรื่อง QE ก็ไม่อยากเขียนอะไรมากมาย แต่คิดว่าน่าจะยังทันสำหรับสัญญาณทางตลาดที่ออกมาสำหรับวันนี้ โดยหากมองในช่วงที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าตลาดปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างแรงและทะยานขึ้นมาโดยมีการเปิด gap ไว้ถึง 3 gap ด้วยกัน โดยวันนี้ ได้ทำการปิด gap แรกไปเรียบร้อยแล้ว (เป็น gap vol สูงถึง 80,000M) ซึ่งตามหลักการไม่ควรจะปิดดังนั้นจึงเป็นการยืนยัน สัญญาณ gap สุดท้ายว่าเป็น exhausttion gap ซึ่งเป็นสัญญาณหนึ่งในการกลับตัว บ่งบอกว่า ขาขึ้นรอบนี้ได้จบลงแล้ว ส่วนการลงรอบนี้จะเป็นการปรับฐาน (wave 2 ของคลื่นใหม่) หรือจะเป็นขาลงคลื่นสุดท้าย (wave 5C)คงต้องรอตลาดมาเป็นผู้เฉลย เมื่อจุดต่ำสุดมาถึง แต่จากสัญญาณที่ออกมาในวันนี้ คงต้องติดตามกันไปว่าตลาดจะปรับตัวลงไปถึงไหนกัน โดยแนวรับสำคัญแรก น่าจะเป็นแถวๆ 1405 ซึ่งน่าจะเป็นแนวรับแรก ส่วนแนวรับที่ 2 แถวๆ 1380 และหากมีการลงไปปิด gap ที่ 3 ก็ไม่ควรหลุด 1350 และน่าจะยืนยันการปรับฐานได้ชัดเจนมากขึ้น แต่ที่สำคัญไม่ควรที่จะหลุด 1350 ลงไปเพราะน่าจะมีการลงไปทดสอบแถว low เดิม เลยทีเดียวซึ่งหมายความว่า wave นี้่จะเป็น 5C ไปทันที
          โดยมองแนวโน้มในช่วงนี้ไปในทางลงซะมากกว่า หากมองสัญญาณทางเทคนิคตัวอื่นประกอบก็คาดได้ว่ามีโอกาสลงต่อค่อนข้างสูงแต่จะลงถึงไหนก็รอดูในแต่ละแนวรับเอาครับ โดยจะไล่สัญญาณแต่ละ indicator มาคร่าวๆ

          ADX แรงซื้อเริ่มลดลง ประกอบกับแรงขายที่ชะลอไปก่อนหน้าเริ่มกลับมาอีกครั้ง และสัญญาณความแข็งแรงของแนวโน้มที่เริ่มลดลง ทำให้มองว่าเป็นการชะลอตัวของแนวโน้มขาขึ้น
          MACD เริ่มหักลง แต่สัญญาณยังไม่ตัดให้ขาย ทำให้มองว่าอาจจะเป็นการปรับฐานเฉยๆก็เป็นได้
          STO สัญญาณเริ่มหักลง และยังอยู่ในโซน OVB อีกด้วย ซึ่งจะไปพ้องกับ ADX ทำให้มองว่าตลาดน่าจะปรับลงไปต่อได้อีก
          RSI เริ่มชะลอตัวตั้งแต่ 2 วันก่อน และวันนี้ก็ปรับลงอย่างแรง ทำให้เห็นว่าวันนี้แรงขายออกมาค่อนข้างเยอะมาก
          Momentum ยังมีค่ามากกว่า 100 ถือว่ายังไม่เสียทรงของการขึ้นต่อ แต่ชะลอตัวเป็นไปในทิศทางเดียวกับ RSI

TF week

           ใน TF week ได้มีการเปิด gap ขึ้นมา 2 gap และหากตลาดในแนวโน้มที่จะขึ้นได้อย่างแข็งแรงนั้นควรต้องมีการทดสอบ gap ทั้งหมดใน Week ด้วย

TF month

           TF month ถือว่ายังไม่เสียรูปแบบของกราฟขาขึ้น เท่าใดนัก ยังคงอยู่ใน channel ขาขึ้นได้อยู่ และสัญญาณต่างๆก็ไม่ได้เลวร้ายนักและตัว sto ก็ใกล้ถึงจุดตัดซื้อแล้วเช่นกัน และสำหรับกราฟเดือนนี้ ไม่ควรปิดลงไปต่ำกว่า 1350 เพื่อให้สามารถยืนได้เหรือ BB middle ได้ เพื่อคงอยู่ในแนวโน้มขึ้นได้อยู่

          ถ้าในมุมมองแล้ว ส่วนตัวมองว่าการลงของตลาดรอบนี้ น่าจะเป็นการปรับฐานซะมากกว่า เพราะตลาดปรับตัวขึ้นมาแรงมาก จาก 1260 มาถึง 1494 คร่าวๆก็เกือบ 234 จุดเลยทีเดียว หากตลาดปรับตัวขึ้นมาสูงมาก ดังนั้นควรจะมีการปรับฐานที่แรงมากเป็นธรรมดา และหากเป็นการปรับฐานจริงๆ แนวโน้มต่ำสุดที่ตลาดจะไปถึงก็ไม่ควรลงไปต่ำกว่า 1350 ที่ 61.8% fibonanci แต่ยังคงมีประเด็นเรื่อง Window dressing ซึ่งน่าจะประคองตลาดได้อยู่บ้างเล็กน้อย จึงมองว่า อาจจะมีการเด้งขึ้นบ้าง ในช่วงปลายเดือนนี้ แต่ในต้นเดือน ตค อาจจะปรับฐานไปเรื่อยๆจนจบรอบ และควรต้องมีการ sideway เพื่อให้มีการเก็บหุ้นก่อนที่จะขึ้นต่อไปอย่างแข็งแรงได้

Trading Strategy :
          สำหรับนักลงทุน น่าจะใกล้ถึงจุดที่ได้ลงทุน และถือหุ้นในระยะกลางถึงยาวแล้ว โดยควรเฉลี่ยซื้อแถวแนวรับต่างๆที่ให้ไว้ที่ 1405 1380 1350
ปัจจัยกดดันตลาด : ไม่มี แต่น่าจะมีการเล่นข่าว taper QE และการล่าช้าของโครงการ 2.2 ล้านล้าน เป็นระยะๆ

วันอาทิตย์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2556

วิเคราะห์ตลาด 8/9/56


TF day + Fibo

          สำหรับอาทิตย์นี้เพิ่งรู้วิธีใช้ Fibo หลังจากหาวิธีใช้ไม่เป็นอยู่นาน หน้าตากราฟจึงแปลกตาออกไปซักเล็กน้อย วันนี้เรามาติดตามสัญญาณจากกราฟกัน จากที่เคยบอกไว้เมื่อสัปดาห์ก่อนว่า การขึ้นครั้งนี้เป็นเพียงการรีบาวน์ ยังไม่ใช่การกลับตัวขึ้นแต่อย่างใดนะครับ ยังไม่ต้องรีบร้อนในการกลับเข้าสู่ตลาดกัน แม้สัญญาณต่างจะมีแนวโน้มไปในทิศทางขึ้นทั้งหมด แต่การขึ้นดังกล่าวโวลุ่มกลับมีไม่มาก จึงไม่อาจมองได้ว่าเป็นการกลับตัวครับ ประกอบกับทิศทางการเคลื่อนที่ของกราฟยังอยู่ในกรอบแนวโน้มขาลงอยู่ โดยหากจะมีสัญญาณกลับตัวจะมี 2 กรณี คือ 1.ลงไปทดสอบ low เก่าแล้วไม่ทำ new low ทำให้เกิด Divergence หรือแนวรับของขาขึ้นได้ หรือ 2.ต้อง break trend line แนวต้านขาลงขึ้นไปให้ได้ โดยคร่าวๆ คือน่าจะต้องวิ่งขึ้นไปยืนเหนือ 1400 ให้ได้ซะก่อน ซึ่งโอกาสเป็นไปได้ค่อนข้างน้อย เนื่องจากตลาดที่เด้งขึ้นมาก่อนหน้านี้ โวลุ่มถือว่าน้อยมาก โดยคาดว่า แนวรีบาวน์สูงสุดไม่น่าจะผ่าน 1355 จากที่วิเคราะห์ไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

TF Month +Fibo

          ส่วนกราฟเดือนจะฉายภาพให้เห็นถึงแนวโน้มที่ค่อนข้างใหญ่ เพื่อให้ทราบแนวโน้ม หรือความน่าจะเป็นของแนวรับ ต่ำสุดของตลาดครับ โดยหากวิเคราะห์จากตาม Elliote wave การเดินทางของตลาดค่อนข้างชัดว่าได้เดินทางมาถึง เวฟ 4 ของแนวโน้มใหญ่แล้วนับแต่เกิดวิกฤต Subprime โดยเวฟ 4 จะต้องไม่ลงไปต่ำกว่า high ของเวฟ 1 ซึ่งจะเป็นการคอนเฟิม ขาขึ้นต่อเนื่องของเทรนด์ใหญ่ครับ โดยจุุด High ของเวฟ 1 เก่าก็คือ 1148 และหากจะคงเป็นขาขึ้นใหญ่ต่อไปได้ ตลาดต้องยืนเหนือ เส้น Fibo 61.8 ให้ได้ หรือก็คือ 1171.43 ครับ เพื่อไปสู่ เวฟ 5 ใหญ่ต่อไปครับ

          ดังนั้นจะทำการสรุปภาพในระยะสั้น ก่อนซึ่งขณะนี้เป็นการรีบาวน์ โดยคาดการณ์ว่าน่าจะอยู่ใน corrective wave ใหญ่ ขา 4C  ก่อนจะลงไปทำขา 5C อีกครั้งเพื่อจบรอบขาลงอย่างสมบูรณ์ครับ และ ณ ตลาดที่ตำแหน่งนี้ ก็คาดว่าใกล้กับแนวต้านค่อนข้างมากแล้ว และเหตุที่ต้องนำกราฟ Fibo มาใช้ก็เพื่อประกอบการ หาจุดรับตำสุดที่คาดว่าตลาดควรจะต้องไปถึงครับ และตามหลักการของ Elliote wave ขา C จะยาวเป็น 1.618 เท่าของ ขา A ครับ(ขาA 1650-1350) ตาม Fibo รายวัน ที่ 161.8% แนวรับต่ำสุดของการลงรอบนี้น่าจะอยู่ประมาณ 1170-1180 ครับ ซึ่งมันฟ้อง จาก ภาพใหญ่ทั้ง TF day และ month และสำหรับผู้ที่ต้องการจะลงทุนจริงๆ ต้องลงทุนด้วยความใจเย็นครับ เพราะ ตลาดจะไม่ไปไหนเป็นเวลานาน กว่าจะถึงขาขึ้นรอบใหม่ (ในกรณีที่ ไม่หลุดรูปแนวโน้มใหญ่)

หมายเหตุ : การวิเคราะห์ในสัปดาห์นี้ จะเป็นไปตามหลักการเกือบทั้งหมดซึ่งมักจะเป็นไปตามหลักจิตวิทยา โดยอาจจะไม่เป็นไปตามทฤษฏีก็ได้ จึงขอให้ใช้วิจารณญาณในการอ่าน

ความเห็นส่วนตัว : แม้จะมองว่า ราคาหุ้นในตลาดยังน่าลงทุนแล้วก็ตาม แต่ยังคงเชื่อว่าหากตลาดจะขึ้นต่อไปได้ เราต้องยอมรับความจริงว่า ต้องให้มีผู้นำตลาดหรือเงินทุนจากภายนอกเพื่อผลักดันตลาด ดังนั้นตราบใดที่เงินทุนยังไหลออกอยู่เรื่อยๆจึงยังไม่น่าจะเห็นการกลับตัวของตลาดในช่วงเวลานี้เท่าใดนัก หรือต่อให้ไปได้ก็ไปได้ไม่ไกล เพราะเน้นเก็งกำไรระยะสั้น ซะส่วนมาก จึงมองเห็นภาพในแนว sideway  มากกว่า ก่อนจะปรับตัวขึ้นจึงยังไม่ต้องรีบร้อนในการลงทุนครับ และเมื่อมอง Timing น่าจะบรรจบกับแถลง QE เพื่อทำเวฟ 5C เพื่อจบรอบขาลงได้ครับ และควรจะอยู่ใน แนว Fibo ที่ให้ไว้ด้วยครับ

Trading Strategy :
          สำหรับนักเก็งกำไร ก็คงแนะนำเช่นเดิม คือหากตลาด ปรับตัวขึ้นถึง 1350 แนะนำให้ขายทำกำไรทิ้งครับ
          ส่วนนักลงทุนควรรอการปรับตัวลงของตลาด เพื่อทดสบ low เดิมอีกครั้ง หากไม่เกิด new low อาจเกิดสัญญาณกลับตัวขึ้นไปได้ โดยมองที่แนวรับ 1280 -1300 เป็นหลักครับ หากยังไม่แน่ใจอาจจะรอ หลังแถลง QE น่าจะเห็นภาพชัดกว่าครับ
ปัจจัยกดดันตลาด : สงครามซีเรีย และ QE ที่จะแถลงในวันที่ 17-18 นี้แล้ว

วันอาทิตย์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2556

วิเคราะห์ตลาด 1/9/2556


TF day

        อาทิตย์นี้ เกิดเทคนิเคิลรีบาวน์จากการตกมาจากที่สูงพอสมควร โดยเกิดจากการชะลอแรงขายของต่างชาติ
โดยแนวโน้ม ของการเล่นรอบต้องใช้ตัว Indicator ที่เร็วที่สุด คือ Stohastic หรือปรับโดยการใช้ TF ที่ต่ำกว่านั้นเพื่อหาจังหวะการเก็งกำไรระยะสั้นเท่านั้น ประกอบกับช่วงวันศุกร์ทีผ่านมา หุ้นขนาดกลางและเล็กเริ่มมีแรงเก็งกำไรเข้ามา ทำให้อาจจะมีจังหวะในการเก็งกำไรในหุ้นขนาดเล็ก โดยมองแนวต้านที่ 1300 และ 1330 ตามเส้นค่าเฉลี่ย 5 และ 10 วันตามลำดับ และมองจุดรีบาวน์สูงสุดไม่น่าจะเกิน 1355 จากการประมาณการรีบาวน์ 50% จากการประมาณจุดสูงสุดต่ำสุดคือ (1450+1360) /2 =1355
          ลักษณะ การลงรอบนี้หากมองตาม Elliote wave น่าจะเป็น Correction wave ขา 4C เป็นเพียงการเด้งระยะสั้นเพื่อจะลงต่อเท่านั้น ยังเหลือขา 5C ซึ่งเป็นขาลงรอบสุดท้ายจึงจะสมบูรณ์ตามหลักการครับ หากมองแนวโน้มนี้น่าจะเห็นการปรับตัวลงสู่ New low ใหม่อีกครั้งของตลาดครับ

TF Month

          จากการวิเคราะห์ที่เคยเขียนไว้ในสัปดาห์ก่อน ว่าหากเห็นการปิดสิ้นเดือนต่ำกว่า 1400 ก็จะทำให้เห็นเรอ่มเป็นแนวโน้มลงใหญ่แล้ว แนวโน้มใหญ่จึงยังคงเป็นขาลงอย่างชัดเจน และยังไม่มีสัญญาณกลับตัวในการชะลอตัวของการตก ทำให้มองในระยะกลาง ยังไม่น่าจะเห็นการกลับตัวอย่างรวดเร็วของตัว SET ได้

           ดังนั้นในสัปดาห์นี้ยังไม่แนะนำให้ทำอะไร โดยตาม sentimen ของตลาดและแนวโน้มสัญญาณยังเป็นขาลงต่อเนื่อง จึงแนะนให้อยู่เฉยๆดีกว่า

Trading Stratgy : สำหรับผู้ที่เสี่ยงซื้อ แถวแนวรับ 1260-1280 อาจทยอยขายทำกำไรระยะสั้นแถวแนวต้านต่างๆ และควรทำกำไรทิ้งทั้งหมดหาก ตลาดวิ่งขึ้นถึง 1350 ได้ โดยหากตลาดจะปรับตัวขึ้นต่อ จะมีระยะเวลาให้เก็บหุ้นคืนได้ครับ
สำหรับนักลงทุน อาจจะเริ่มทยอยรับในสัดส่วนเล็กน้อย เพื่อลงทุนได้บ้างแล้ว และค่อยเพิ่มสัดส่วนการลงทุนตลาดเริ่มหยุดการทำ new low ใหม่
แนวโน้มตลาด : โดยแนวรับการรีบาวน์ 1280 แนวต้าน 1330-1350 โดยอาจจะต้องมีการลงไปทดสอบ low เดิมอีกครั้งหนึ่ง