*******คาดการณ์อนาคตเล็กน้อยนะครับ โดยใช้หลักการทำสงครามทางการเงิน มองไปในทางเลวร้ายสุดๆครับหากใครไม่ชอบหรือมีหุ้นติดตัวอยู่ กรุณาผ่านนะครับ*******
และคงไม่แชร์ออกไปภายนอกครับ สำหรับผู้ติดตามบล๊อกนี้อยู่หากสนใจก็เชิญชมครับ
และคงไม่แชร์ออกไปภายนอกครับ สำหรับผู้ติดตามบล๊อกนี้อยู่หากสนใจก็เชิญชมครับ
===========================================================================
>
>
>
>
>
>
>
>
>
>
>
>EDIT : 12/9/56 เพิ่มรูปกราฟ เพิ่อวิเคราะห์แนวรับต่ำสุดที่ตลาดจะไปถึง โดยคาดว่าน่าจะเป็นแถวๆ 1160-1180 ครับ
TF day + ทดสอบ Fibo ขา A
ตามหลักการของ ellioite wave ขา C จะต้องยาวเป็น 1.618 เท่าของขา A ได้จุดต่ำสุดของ C ที่ 1148.97
TF day + Fibo จุดสูงสุดขา C4
อันนี้ลองลากดูคร่าวๆ ตกแถวๆ 1163
TF Month + Fibo
โดยหลักการของ Elliote wave ถือว่าอยู่ในเวฟ รอบใหญ่เวฟที่ 4 โดยต้องไม่ต่ำกว่า จุดสูงสุดของเวฟ 1 และต้องไม่ต่ำกว่า 38.2% ฟิโบนันชี่ แนวรับจะไปตกแถวๆ 1170
****เนื้อหาข้างล่างเป็นเนื้อหาเก่าครับ****
ต้องเท้าความเกี่ยวกับเรื่องตลาดหุ้นบ้านเราสักนิดนึงโดยจุดต่ำสุดของตลาดหลังจาก เกิดวิกฤต subprime ขึ้นมาตลาดได้พังทลายลงอย่างรวดเร็ว สาเหตุเพราะต่างชาติดึงเงินที่อยู่ในตลาดบ้านเราออกทั้งหมด ทำให้ตลาดพังลงมาครับ แต่หลังจากที่ทางอเมริกา มีการประกาศใช้ QE 1 ตอนช่วงกลางปี 52 ก้ได้มีการนำเงินกงเต๊กที่พิมพ์ขึ้นมาเหล่านี้มาหาประโยชน์จากในตลาดบ้านเราครับ และทำมาเรื่อย กระทั่ง QE 2 3 ก็เช่นกัน
ดังนั้นเราจึงต้องยอมรับในจุดนี้ว่าส่วนหนึ่งที่ตลาดขึ้นมาขนาดนี้ได้เพราะเงิน QE ด้วยเช่นกัน เพียงแต่ผู้ที่อยู่ในตลาด ณ ช่วงเวลานั้นจึงเป็นผู้โชคดีและมีความกล้าที่จะลงทุนในขณะที่ทุกคนกลัวนั่นเองครับ ดังนั้นการที่เรามาลงทุนในขณะที่ตลาดสูงขนาดนี้จึงเป็นความเสี่ยงครับ เหมือนเรามาปั่นเงินให้ต่างชาติ แล้วก็เอาเงินออกไป โดยวัฏจักรนี้ค่อนข้างยาวพอสมควรแก่เวลาแล้ว (ส่วนมากรอบวัฏจักร ราวๆ5-7ปี) ผู้ที่เข้ามาทีหลังก้เป็นแค่ผู้เติมความมั่งคั่งให้กับผู้ที่มาก่อนแล้วนั่นเอง
และจากภาพรวมตลาดขณะนี้ที่อ้างอิงจาก http://marketdata.set.or.th/mkt/marketsummary.do?language=th&country=TH set = 1293 PE ราวๆ 13.83 PB 1.977 ปันผลเฉลี่ย 3.2% ผลตอบแทนแทบจะเทียบเท่ากับดอกเบี้ยเงินฝากประจำพิเศษบางที่แล้ว และหากมองไปตามเศรษฐกิจของบ้านเราแล้วก็จะเริ่มเห็นการชะลอตัวในภาคต่างๆ ทั้งรัฐ เอกชน ส่งออก ผู้บริโภค ถือว่าพื้นฐานทางเศรษฐกิจเปลี่ยนครับ น่าจะเริ่มส่งผลชัดขึ้นอีกในไตรมาส 3 จึงไม่แปลกใจนักหากจะมีการทะยอยขายหุ้นทิ้ง ณ ระดับ set ปัจจุบัน
ถ้ามองในมุมผม ยังไงตลาดตอนนี้ก็เพิ่งเหมาะสมสำหรับการลงทุน แต่ไม่ใช่ในระยะยาวที่อนาคตเศรษฐกิจเริ่มชะลอตัว ตามความเห็นคือ ยังไม่มี MOS สำหรับตลาด ณ ปัจจุบันครับ แต่หากมองรายตัวอาจจะมีบางตัวที่น่าสนใจแล้วก้ได้
กลับมาที่มุมมองของนักลงทุนต่างชาติ ในเมื่อเขาเข้ามาแล้วกำลังจะออกไป ถ้าเป็นตัวผมเองผมจะค่อยๆทยอยขายไปเรือยๆ และหากวางแผนว่าจะมีการกลับมาลงทุนอีกครั้งหนึ่งจะต้องมีการถือหุ้น ส่วนสุดท้ายไว้ในมือแน่นอนสำหรับการทุบหุ้นครั้งสุดท้ายเพื่อให้ตลาดพังลงมาและ ค่อยเข้ามาเก็บกวาดล้างกระดานเล่นใหม่ ดังนั้นถ้าตามที่ผมคิดไว้การลดลงของตลาดตรงจุดนี้ไม่ใช่การ ปรับฐานเพื่อขึ้นรอบใหม่ แต่เป็นการล้างกระดานเพื่อเริ่มรอบใหม่มากกว่า ซึ่งก็น่าจะทำตามแผนมาได้ในระดับหนึ่งแล้ว โดยการหลอกล่อให้รายย่อยเข้าไปซื้อหุ้นแล้วติดไว้สูงๆ จนไม่มีเงินมารับกับการเทหน้าตักครั้งสุดท้าย จึงน่าจะได้เห็นการพังทลายของตลาดครับ ที่เคยมีนักวิเคราะห์ว่าอาจโน circuit breaker คาดว่าอาจไม่ไกลเกินจริงนัก
จากรูปเกมการเงินนี้ ผมให้ข้อคิดเห็นว่าถ้ามองแล้วเหมือนการพิมพ์เงินมาปล้นเงิน(ในตลาดหุ้น/บอนด์) ประเทศอื่นมากกว่า ที่ฝรั่งทั้งเมกา ยุโรป และ ญี่ปุ่น ทำ QE มาร่วมด้วยช่วยกันถลุง ทรัพยากรเงินในประเทศต่างๆเช่น bric หรือ emerging market น่าจะใกล้เดินทางมาสู่จุดสุดท้ายแห่งปาร์ตี้แล้ว และผมคาดว่าอีกเราอาจจะได้เห็นการตกอย่างรุนแรงหรือพังทลายของตลาดในไม่ช้านี้อย่างแน่นอนครับ เพื่อให้มีการล้างไพ่มาเล่นใหม่ เพราะหรั่งคงไม่กลับมาซื้อของแพงต่อจากเราหรอกครับ
ปล.ทั้งหมดนี้เป็นเพียงความเห็นส่วนตัว และผมคาดการณ์จากมุมมองที่ต่างชาติจะได้เปรียบมากที่สุดครับ เพราะมีทั้งเงินและสร้างข่าวสารเกี่ยวกับตลาดต่างได้ๆ ขอให้ทุกคนบริโภคบทวิเคราะห์อย่างมีสติครับ
ปล2. และผมคงไม่คาดว่าตลาดจะลงไปถึงไหน ถ้ามันลงสุดเมื่อไหร่ก็ต่อเมื่อราย่อยตายทั้งตลาดนั่นแหละครับ