หน้าเว็บ

วันอาทิตย์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

วิเคราะห์ตลาด 14/7/2556

          ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ถือว่าเป็นช่วงพลิกผันพอสมควร โดยจุดพลิกผันหลักน่าจะมาจากเรื่องที่ FED ประกาศคงที่อัตราดอกเบี้ย และแถลงว่าจะยังคงไม่ลดอัตราการออก QE ในช่วงระยะนี้ (แต่ผู้เขียนคาดว่าน่าจะเรื่มส่งสัญญาณลดอีกทีในช่วงเดือน ก.ย.) ส่งผลให้เงินเริ่มกลับไปหาผลตอบแทนกันต่อไป โดยที่เริ่มมีสัญญาณจากราคาน้ำมัน ซึ่งมาปัจจัยมาจากปริมาณการสำรองน้ำมันดิบของสหรัฐลดลงมากกว่าที่คาดการณ์กันไว้ ประกอบกับปัญหาทางอิยิปต์ก็ยังไม่คลี่คลาย ทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น และมีโอกาสไปทดสอบที่ 110 US/บาเรลได้



          ประกอบกับค่าเงินดอลที่เริ่มอ่อนค่าลงมาทันทีหลังจากการแถลงของนายเบอนันเก้ ทำให้มองว่าน่าจะมีเงินไหลออกเพื่อไปหาผลตอบแทนที่อื่นไปก่อน แต่คงไม่ใช่ปริมาณที่มากนักและคงไม่ใช่การลงทุนในระยะที่น่าจะนานซักเท่าใดนัก เพราะอย่างไรเสียเงินส่วนนั้นก็ต้องกลับมาที่เดิมอยู่ดี


          ต่อไปจะมามองแนวโน้มของตลาดผ่านกราฟ Set กันครับ



          จากรูปกราฟ Set ใน TF day ถือได้ว่ากราฟค่อนข้างสวยทีเดียวครับ ปรับตัวมายืนเหนือเส้น 25 วัน และสัญญาณเส้น EMA 5 ตัดขึ้นเหนือ EMA 10 วันได้ MACD สัญญาณเริ่มแข็งแรงขึ้น แต่ก็ยังต่ำกว่าเส้น 0 อยู่ดี สัญญาณ ADX เริ่มลู่เข้าหากันแล้วน่าจะมีแรงส่งต่อไปได้ครับ โดยมองแล้วน่าจะมีการทดสอบแนวต้านที่ 1470 ครับ ถ้ายืนได้อาจจะมีโอกาสไปต่อ แนวต้านใหญ่ที่มองไว้น่าจะราวๆ 1560 ครับ
          ส่วนกราฟ Week รูปกราฟยังดูไม่ค่อยสดใสนัก แต่ก็เริ่มมีสัญญาณการชะลอการปรับตัวลง ถ้าดูจากแท่งเทียนถือได้ว่าเริ่มมีกำลังซื้อสูงกว่าแรงขายบ้างแล้ว เพราะเกิด Hammer ที่หางค่อนข้างยาว ทำให้มองแล้วอาจจะเริ่มเห็นการกลับตัวได้บ้าง
          ถ้ามองแนวโน้มการลงทุนช่วงนี้จะเห็นว่า กลุ่มพลังงานที่ขึ้นมาเป็นตัวนำตลาดครับโดยสาเหตุหลักก็มาจากการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันในตลาดโลก กลุ่มรองลงมาคือกลุ่มธนาคาร ที่น่าจะเก็งผลประกอบการในช่วงนี้ ประกอบกับแรงขายจากกลุ่มต่างชาติก่อนหน้านี้เริ่มเบาบางลงทำให้ปัจจัยที่กดดันตลาดช่วงนี้น้อยลง จึงมองแล้วน่าจะเห็นการปรับตัวขึ้นของตลาดได้ในสัปดาห์หน้าครับ แต่อาจจะเป็นการเล่นรอบที่ไม่ยาวนานนัก อย่างที่เกริ่นไปตรงแถวเรื่องค่าเงิน จึงมองการกลับมาของเงินส่วนนี้เป็นเพียงส่วนน้อยที่มาหากำไรจากตลาดหุ้นและมีระยะการลงทุนที่ไม่ยาวนานนัก เพราะในระยะกลางเงินเหล่านี้ต้องถูกนำออกจากระบบอยู่แล้ว หากมีการยกเลิก QE

Trading strategy : ซื้อเก็งกำไรระยะสั้น ในหุ้นขนาดกลางเล็ก-เล็กเนื่องจากยัง laggard จากการขึ้นของตลาดอยู่ ให้ดูแนวโน้มในกลุ่มนำตลาด คือพลังงานและ ธนาคารครับ
ปัจจัยกดดันตลาดระยะสั้น : แรงขายทำกำไรของนักลงทุนรายย่อยระยะสั้น
ปัจจยกดดันตลาดระยะกลาง-ยาว : การลดและถอน QE

1 ความคิดเห็น:

  1. เพิ่มเติมปัจจัยเสี่ยงของเศรษฐกิจภายใน : อัตราหนี้ครัวเรือนสูง ฉุดการบริโภคภายในประเทศ
    ปัจจัยเสี่ยงภายนอก : การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก แม้เงินบาทจะอ่อนตัวแต่การส่งออกก็น่าจะลดลงตามสภาวะการณ์รอบโลกครับ
    ซึ่งทั้ง 2 ปัจจัยน่าจะส่งผลต่อผลประกอบการช่วงครึ่งปีหลังของบริษัทได้

    ตอบลบ